ReadyPlanet.com


สอบถามเรื่องการฟ้องหย่า


สวัสดีค่ะดิฉันมีเรื่องจะสอบถามเกี่ยวกับการฟ้องหย่าค่ะ

คือดิฉันแต่งงานกับสามีชาวอังกฤษ(แต่เคยทำงานที่ประเทศออสเตรเลีย ตอนนี้เกษียณแล้ว)เรามีปัญหาทะเลาะกันบ่อยมาก ทำให้ไม่ค่อยอยากจะพูดคุยกันซักเท่าไหร่ สามีไม่มีปัญหาเรื่องอะไร นอกจากชอบพูดจากระทบกระเทียบ แดกดัน ประชดประชัน ทำให้ดิฉันอารมณ์เสียและร้องไห้บ่อยมาก เค้าบอกว่าดิฉันชอบคิดว่าเค้าไปมีผู้หญิงอื่นโดยที่เค้าไม่เคยทำ แต่เค้าเองก็ชอบคิดว่าดิฉันจะหลอกเอาเงินของเค้าเหมือนกัน คิดดูสิคะ ดิฉันอยู่กับเค้ามาตั้งนาน ขนาดมีลูกด้วยกันหนึ่งคนเค้าก็ไม่เคยไว้ใจ ไม่เคยบอกรหัสธนาคารหรือเอทีเอ็ม ไม่โอนชื่อบ้านเป็นชื่อของดิฉัน(เค้าให้เหตุผลว่ากลัวดิฉันจะหาเรื่องเลิกแล้วเอาบ้านไป) ดิฉันเองก็ไม่เคยเรียกร้อง คิดเสมอว่าเงินของเค้าเค้าหามา เค้าก็ต้องหวง ดิฉันเข้าใจ เวลาพอทะเลาะกันมากๆ เค้าก็ลามไปถึงครอบครัวดิฉัน ว่าพ่อแม่ไม่ทำงาน น้องติดยา ติดคุก โดยที่เค้าเองก็ไม่ได้จัดงานแต่งให้เป็นที่ชื่นใจให้กับพ่อแม่ของดิฉันเลย พ่อแม่ดิฉันก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรจากเค้า ดิฉันทนอยู่กับเค้าก็เพราะเห็นแก่ลูก ไม่อยากให้ลูกต้องขาดพ่อ อยากให้ลูกได้มีอนาคตที่ดี มีความรู้สึกที่ดีที่มีพ่อแม่พร้อมหน้า พร้อมตา เพราะลูกของดิฉันเองก็ติดพ่อมาก แต่ดิฉันรู้สึกว่ายิ่งอดทน ยิ่งอยู่ด้วยกัน ก็ยิ่งเหม็นขี้หน้ากัน มันไม่มีอารมณ์ที่อยากจะกอดหรือออดอ้อนเหมือนเมื่อก่อน พอคิดถึงสิ่งที่เค้าด่า เค้าดูถูก ดิฉันก็แค้น ก็หดหู่ จนมันเฉยชาไปเลย เหตุผลแบบนี้ดิฉันจะสามารถฟ้องหย่าได้ไหมคะ และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเท่าไหร่ค่ะ ขอเล่ารายละเอียดที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมา ดังนี้ค่ะ

1.ดิฉันแต่งงานและจดทะเบียนสมรสในประเทศไทยมาได้ 4 ปี แต่อยู่ด้วยกันฉันสามีภรรยามาก่อน 3 ปี ณ ปัจจุบันมีลูกชาย 1 คน อายุ 4 ปี ลูกเกิดที่ประเทศไทย แต่มีพาสปอร์ต ของทั้งประเทศไทย อังกฤษ และออสเตรเลีย

2.สามีมีบ้านและที่ดินที่ซื้อก่อนจดทะเบียนสมรส (ซื้อเป็นชื่อบริษัท) แต่ก็ร่วมกันออกแบบและก่อสร้างด้วยกัน มีรถกระบะ และรถมอเตอร์ไซด์ (เป็นชื่อของดิฉัน ซื้อระหว่างที่แต่งงาน)

3.ดิฉันเป็นหนี้บัตรเครดิตประมาณ 60,000 (สามีไม่รู้) เป็นหนี้กองทุนเพื่อการศึกษา ณ ปัจจุบันประมาณ 190,000 บาทและเป็นหนี้เงินธนาคารอาคารสงเคราะห์มาสร้างบ้านให้แม่(ก็ร่วมกับแม่)(2 เรื่องนี้สามีรับรู้ เป็นผู้รับภาระจ่ายให้)

4.ดิฉันจบปริญญาตรีเคยทำงาน ณ สถานที่ราชการแห่งหนึ่ง จนกระทั่งคลอดลูกมาได้ 3 เดือน สามีให้ออกจากงานมาดูแลลูก โดยจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด ณ ปัจจุบัน เป็นเวลา 4 ปีแล้ว ดิฉันไม่มีงานทำ

5.สามีให้ค่าใช้จ่ายต่อเดือนเป็นจำนวน 22,000 บาท โดยเป็นค่าอาหารในครอบครัว 10,000 บาท ค่าส่งงวดบ้าน (ธ.อาคารสงเคราะห์ 3,100 บาท) ที่เหลือเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวของดิฉัน

6.สามีดิฉันเค้าเป็นคนฉลาดและรอบคอบมาก ดิฉันเคยคุยกับเขาและขอเขาหย่า โดยขอให้เค้าส่งเสียค่าเลี้ยงดูให้ดิฉันกับลูก ระหว่างที่ดิฉันยังไม่มีงานทำ เพราะดิฉันยังมีหนี้ต้องจ่ายอยู่ และงานที่หาได้ใหม่อาจจะไม่พอใช้จ่ายส่วนตัว ดูแลลูก และจ่ายหนี้ อยากให้เค้าช่วยเหลือดิฉันในฐานะที่ดิฉันอยู่กับเค้ามาตั้งหลายปี แต่เค้าบอกว่าจะไม่ให้เงินดิฉัน แต่จะให้ลูกคนเดียว โดยเค้าจะไปคุยกับทนายของเค้า ดิฉันรู้นิสัยว่าเค้าจะไม่ให้เงินกระเด็นออกมาจากเค้าแน่นอน

7.เป็นไปได้ไหมคะที่ดิฉันจะฟ้องหย่า โดยใช้เหตุผลว่ามีความคิดเห็นที่ทำร้ายจิตใจกัน และขอสิทธิในการเลี้ยงดูบุตรแต่เพียงผู้เดียว เพราะเค้าแก่แล้ว (อายุ 55 ปี)และดิฉันคิดว่าเค้าก็คงไม่พาลูกไปอยู่ต่างประเทศ เพราะตัวเค้าอีกก็อยู่ประเทศไทยมา เกือบ 10 ปี (เค้าบอกว่าอยู่ต่างประเทศมันแพง)(เค้าไม่เคยพาดิฉันไปอังกฤษหรือออสเตรเลียเลย)?

8.เป็นไปได้ไหมคะที่จะขอค่าเลี้ยงชีพและขอค่าเลี้ยงดูบุตรจากเค้า และขอให้เค้าจ่ายเป็นก้อนไปเลย เพราะดิฉันเคยได้ฟังเรื่องจากเพื่อนมาว่าเคยหย่ากับสามีต่างชาติและสามีรับปากว่าจะจ่ายค่าเลี้ยงดูทุก 6 เดือน แต่พอจ่ายได้ 3 ครั้ง ก็หายกลับประเทศไปเลย ติดต่อไม่ได้?

9.รถและมอเตอร์ไซด์ที่เป็นชื่อดิดิฉันเค้าสามารถเอาไปได้ไหมคะ(ดิฉันเชื่อว่าเค้าไม่ยอมให้ดิฉันเอาไปแน่นอน)?

10.ดิฉันอยู่พัทยา ถ้าจะฟ้องหย่าต้องดำเนินการที่ไหนคะ?

11.ตอนนี้ดิฉันไม่มีเงินเลย ค่าทนายจะเท่าไหร่คะ และเป็นไปได้ไหมที่จะร้องศาลให้เค้าเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้?

12. เค้าบอกว่าดิฉันไม่มีงาน ไม่มีเงิน ศาลจะไม่ให้สิทธิเลี้ยงดูบุตร และในกรณีที่หากดิฉันได้สิทธิเลี้ยงดูบุตร เค้าก็ไม่ต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูอะไรให้กับดิฉัน จ่ายให้ลูกคนเดียว รถก็ต้องขายและแบ่งคนละครึ่ง ส่วนบ้านก็ต้องเป็นของเขาเพราะเป็นชื่อบริษัทเค้า ส่วนหนี้ต่างๆ เค้าก็ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร จริงหรือเปล่าคะ?

13.ต้องทำอย่างไรบ้างคะที่จะชนะ ใช้เอกสารอะไรบ้างและต้องทำอย่างไร

ต้องขอโทษด้วยนะคะที่เขียนซะยาวเลย ดิฉันกลุ้มใจ อัดอั้นจริงๆ ค่ะ อยากจะให้มันจบๆ ไป ชีวิตจะได้เดินต่อไป ดิฉันเรียนรู้แล้วว่าเราไม่สามารถฝากชีวิตไว้กับใครได้ การแบมือรอเงินจากสามีมันเป็นความคิดที่ทำร้ายเราได้จริง เราไม่มีเงินเค้าก็ดูถูกเรา คิดว่าเราไม่มีทางไป ทั้งๆ ที่เค้าเป็นคนเสนอให้เราออกจากงานมาดูแลลูก ดูแลบ้าน ดูแลเค้า แต่พอตอนนี้เค้ากลับคิดว่าเราใช้ลูกมาเป็นตัวประกัน เพื่อที่จะเอาเงินจากเค้า จะให้ดิฉันทำอย่างไรล่ะคะ ดิฉันอยากดูแลลูกและลูกก็ต้องใช้เงิน เค้าก็เป็นพ่อก็น่าจะเข้าใจ แต่นี่เค้าคิดแต่ว่าดิฉันใช้ลูกเพื่อจะเอาเงินของเค้า ถ้าดิฉันมีเงิน ดิฉันจะไม่ขอเค้าสักบาทเลย ใครจะว่าดิฉันไม่ศักดิ์ศรีหรืออะไรก็ตาม แต่ดิฉันทำเพื่อลูก ขอเป็นทุนให้กับชีวิตที่จะเริ่มต้นใหม่บ้าง ไม่ใช่จะขอครั้งเดียวให้รวยไปเลย ไม่มีใครอยากจะมีชีวิตคู่ที่ล้มเหลวหรอกค่ะ ใครๆ ก็พูดว่ามีสามีฝรั่งแล้วโชคดี สำหรับดิฉัน มันอาจจะเคยใช่ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว แล้วฝรั่งมันก็แสบ เวลามันเล่นเรากลับมันก็ทำเราเจ็บน่าดู มันมีเงินที่จะจ้างทนายที่ทำให้ตัวเองเสียเงินน้อยที่สุด ตอนแรกดิฉันเคยคิดว่าเค้าให้เราแค่ไหนก็เอาแค่นั้น ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย แต่ตอนนี้ดิฉันไม่ยอมแล้วค่ะ ดิฉันจะสู้ค่ะ

ขอบคุณมากนะคะ จะรอคำตอบค่ะ


 



ผู้ตั้งกระทู้ เปิ้ล :: วันที่ลงประกาศ 2012-03-02 15:25:09


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1474765)

เมื่อพิจารณาเหตุแล้ว ยังไม่มีเหตุหนักแน่นพอที่จะให้ศาลพิพากษาให้หย่ากันได้ จริงอยู่ตามที่เล่ามานั้น ในสภาพของคุณผู้ถามอาจไม่สบายใจนัก แต่คดีครอบครัวเป็นคดีที่ศาลไกล่เกลี่ยคู่ความจนถึงที่สุดเสียก่อน เมื่อเห็นว่าไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้จริง ๆ จึงจะหย่าให้ ดังนั้นคำถามว่า ทำอย่างไรจึงจะชนะคดีนั้นอยู่ที่ดุลพินิจของศาลครับ แต่ถ้าศาลพิพากษาให้หย่ากันได้ ขอตอบพอเป็นแนวทางดังนี้ครับ

1. บ้านและที่ดินซื้อในชื่อของบริษัท เป็นทรัพย์สินของบริษัท ตามพฤติการณ์คุณยอมรับว่าเป็นทรัพย์สินของบริษัท เนื่องจากซื้อในชื่อของบริษัท แม้จะเคยอยู่กินฉันสามีภรรยาก่อนจดทะเบียนสมรส ส่วนรถยนต์กระบะ และรถจักรยานยนต์ ซื้อระหว่างเป็นคู่สมรส แม้จะเป็นชื่อของคุณก็ถือว่าเป็นสินสมรสที่มีส่วนคนละครึ่งหนึ่ง

2. หนี้บัตรเครดิต, หนี้กองทุน, หนี้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ตามข้อมูลที่เล่ามา ไม่ถือว่าเป็นหนี้ร่วมระหว่างสามีภรรยา ที่เขาต้องรับผิดชอบด้วย 

3. เมื่อมีการฟ้องหย่าคุณมีสิทธิเรียกค่าเลี้ยงชีพและค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร เนื่องจากคุณได้ออกจากงานมาทำหน้าที่แม่บ้าน ถือว่าการหย่านั้นจะทำให้อีกฝ่ายหนึ่ง(คุณ)ยากจนลง เพราะไม่มีรายได้จากทรัพย์สินหรือจากการงานตามที่เคยทำคุณมีสิทธิขอให้ฝ่ายที่ต้องรับผิด(สามี)จ่ายค่าเลี้ยงชีพให้ได้ และขอให้ศาลมีคำสั่งให้จ่ายครั้งเดียวก็ได้

4.  เหตุฟ้องหย่ากฎหมายกำหนดไว้ดังนี้

มาตรา 1516 เหตุฟ้องหย่ามีดังต่อไปนี้
(1) สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้หรือมีชู้ หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(2) สามีหรือภริยาประพฤติชั่ว ไม่ว่าความประพฤติชั่วนั้นจะเป็นความ ผิดอาญาหรือไม่ ถ้าเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่ง
(ก) ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง
(ข) ได้รับความดูถูกเกลียดชังเพราะเหตุที่คงเป็นสามีหรือภริยาของฝ่าย ที่ประพฤติชั่วอยู่ต่อไป หรือ
(ค) ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควร ในเมื่อเอาสภาพฐานะ และความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(3) สามีหรือภริยาทำร้าย หรือทรมานร่างกายหรือจิตใจ หรือหมิ่น ประมาทหรือเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่งหรือบุพการีของอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ ถ้าเป็นการร้ายแรง อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(4) สามีหรือภริยาจงใจละทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่งไปเกินหนึ่งปี อีกฝ่ายหนึ่ง นั้นฟ้องหย่าได้
(4/1) สามีหรือภริยาต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก และได้ถูกจำคุก เกินหนึ่งปีในความผิดที่อีกฝ่ายหนึ่งมิได้มีส่วนก่อให้เกิดการกระทำความผิด หรือยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดนั้นด้วย และการเป็นสามี ภริยากันต่อไปจะเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่งได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกิน ควร อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(4/2) สามีและภริยาสมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกัน ฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุขตลอดมาเกินสามปี หรือแยกกันอยู่ตามคำสั่งของ ศาลเป็นเวลาเกินสามปี ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(5) สามีหรือภริยาถูกศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญ หรือไปจากภูมิลำเนา หรือถิ่นที่อยู่เป็นเวลาเกินสามปี โดยไม่มีใครทราบแน่ว่าเป็นตายร้ายดีอย่าง ไร อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(6) สามีหรือภริยาไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่งตามสมควร หรือทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีหรือภริยากันอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ ถ้าการกระทำนั้นถึงขนาดที่อีกฝ่ายหนึ่งเดือดร้อนเกินควรในเมื่อเอา สภาพ ฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบ อีกฝ่าย หนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(7) สามีหรือภริยาวิกลจริตตลอดมาเกินสามปี และความวิกลจริตนั้นมี ลักษณะยากจะหายได้ กับทั้งความวิกลจริตถึงขนาดที่จะทนอยู่ร่วมกัน ฉันสามีภริยาต่อไปไม่ได้ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(8) สามีหรือภริยาผิดทัณฑ์บนที่ทำให้ไว้เป็นหนังสือในเรื่องความ ประพฤติอีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(9) สามีหรือภริยาเป็นโรคติดต่ออย่างร้ายแรงอันอาจเป็นภัยแก่อีกฝ่าย หนึ่งและโรคมีลักษณะเรื้อรัง ไม่มีทางที่จะหายได้ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(10) สามีหรือภริยามีสภาพแห่งกายทำให้สามีหรือภริยานั้น ไม่อาจร่วม ประเวณีได้ตลอดกาล อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้

5.  ฟ้องที่ศาลไหน??  อยู่กินฉันสามีภรรยาที่พัทยา ฟ้องที่ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดชลบุรีครับ

6. ค่าทนายความ ปรติศาลจะให้ฝ่ายที่แพ้คดีเป็นผู้จ่ายตามบัญชีของศาล ซึ่งจะน้อยกว่าที่ว่าจ้างกันจริงอยู่บ้าง และที่สำคัญ หากประนีประนอมยอมความกันได้ ค่าทนายความคงตกเป็นพับ ไม่อยากให้คาดหวังในเรื่องนี้มาก

7. สิทธิเลี้ยงดูบุตร คงไม่ได้อยู่ที่ว่าใครมีรายได้หรือไม่มีรายได้ แต่ศาลจะพิจารณาว่า บุตรอยู่ที่ใครมีความเจริญก้าวหน้ากว่ากัน ตรงนี้เวลาฟ้องคุณก็ขอให้ศาลมีคำสั่งว่า ให้คุณเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียว ส่วนศาลจะพิจารณาอย่างไร ก็เป็นดุลพินิจของศาล กรณีนี้อาจตกลงกันได้

 

 

 

 

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายลีนนท์ วันที่ตอบ 2012-03-02 17:33:06



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล