
ทนายความละเมิดอำนาจศาล | ขาดจากเป็นทนายความ
-ยินดีให้คำปรึกษากฎหมายโทร. 085-9604258 (ลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ) -ปรึกษากฎหมายผ่านทางemail: leenont0859604258@yahoo.co.th -ปรึกษากฎหมายผ่านทางไลน์ ไอดีไลน์ (5) ID line : (1) leenont หรือ (2) @leenont หรือ (3) peesirilaw หรือ (4) @peesirilaw (5) @leenont1 ขาดจากเป็นทนายความ เมื่อคณะกรรมการสภาทนายความมีคำสั่งให้จำหน่ายชื่อผู้ถูกกล่าวหาออกจากทะเบียนทนายความตามพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2528 มาตรา 43 แล้ว คำสั่งดังกล่าวย่อมมีผลให้ผู้ถูกกล่าวหาขาดจากการเป็นทนายความ เมื่อผู้ถูกกล่าวหาทราบว่าคณะกรรมการสภาทนายความมีคำสั่งให้จำหน่ายชื่อออกจากทะเบียนทนายความแล้ว ผู้ถูกกล่าวหาต้องหยุดกระทำหน้าที่เป็นทนายความ เมื่อผู้ถูกกล่าวหาว่าความในศาลโดยไม่มีอำนาจ รวม 29 ครั้ง พิพากษาให้ลงโทษทุกกรรมรวม 29 กระทง จำคุกกระทงละ 1 วัน รวม 29 วัน คำพิพากษาฎีกาที่ 2174/2545 คำสั่งของคณะกรรมการสภาทนายความที่ให้จำหน่ายชื่อผู้ถูกกล่าวหาออกจากทะเบียนทนายความตามพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2528 มาตรา 43 ย่อมมีผลให้ผู้ถูกกล่าวหาขาดจากการเป็นทนายความตามมาตรา 44 (4) ทันที แม้ผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งต่อสภานายกพิเศษแห่งสภาทนายความเพื่อให้วินิจฉัยอีกชั้นหนึ่งได้ การอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวก็ไม่ถือว่าเป็นการทุเลาคำสั่งของคณะกรรมการสภาทนายความ ดังนั้น เมื่อผู้ถูกกล่าวหาทราบว่าคณะกรรมการสภาทนายความมีคำสั่งให้จำหน่ายชื่อออกจากทะเบียนทนายความแล้ว ผู้ถูกกล่าวหาต้องหยุดกระทำหน้าที่เป็นทนายความในระหว่างที่รอฟังคำวินิจฉัยของสภานายกพิเศษแห่งสภาทนายความ เพราะในระหว่างนั้นผู้ถูกกล่าวหาต้องห้ามมิให้ปฏิบัติหน้าที่ทนายความตามมาตรา 33 ผู้ถูกกล่าวหาทำการเป็นทนายความในแต่ละครั้งถือว่าเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระกัน จึงเป็นการกระทำความผิดหลายกรรมมิใช่กรรมเดียว และเมื่อผู้ถูกกล่าวหาปฏิบัติหน้าที่ทนายความขณะถูกห้ามทำการเป็นทนายความเป็นการกระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาลหลายคดี ศาลให้นับโทษติดต่อกันได้. คดีสืบเนื่องมาจากพนักงานอัยการจังหวัดหนองคายเป็นโจทก์ฟ้องนางสาวเสาวรส บุตรรส กับพวกรวม 3 คน เป็นจำเลย ตามคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1583/2540 ของศาลชั้นต้น และศาลชั้นต้นมีหนังสือขอแรงทนายความให้ผู้ถูกกล่าวหาเป็นทนายความให้แก่จำเลย ซึ่งจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ตั้งผู้ถูกกล่าวหาเป็นทนายความให้ ต่อมาจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ร้องเรียนต่อผู้พิพากษาในคดีของศาลชั้นต้นว่า ผู้ถูกกล่าวหาเรียกเงินค่าใช้จ่ายในการว่าความ ศาลชั้นต้นมีหนังสือถึงสภาทนายความให้ดำเนินคดีแก่ผู้ถูกกล่าวหาฐานประพฤติผิดมรรยาททนายความ สภาทนายความมีหนังสือถึงศาลชั้นต้นแจ้งว่า ปัจจุบันผู้ถูกกล่าวหามิได้เป็นทนายความเนื่องจากขาดต่อใบอนุญาต ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนแล้ววินิจฉัยว่า เมื่อคณะกรรมการสภาทนายความมีคำสั่งว่าผู้ถูกกล่าวหาขาดคุณสมบัติในการที่จะขอจดทะเบียนและรับใบอนุญาตให้เป็นทนายความแล้ว จึงให้จำหน่ายชื่อผู้ถูกกล่าวหาออกจากทะเบียนทนายความและผู้ถูกกล่าวหาทราบคำสั่งแล้ว ผู้ถูกกล่าวหาย่อมว่าความในศาลไม่ได้ แม้ผู้ถูกกล่าวหาจะอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อสภานายกพิเศษแห่งสภาทนายความโดยเข้าใจว่าตามพระราชบัญญัติทนายความ ฯ ผู้ถูกกล่าวหาว่าความได้ในระหว่างพิจารณาอุทธรณ์คำสั่งก็ตาม ก็หาทำให้คำสั่งของคณะกรรมการสภาทนายความไม่มีผลบังคับเพราะการอุทธรณ์คำสั่งนั้นไม่ และความเข้าใจของผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้เกิดจากความสุจริต เมื่อผู้ถูกกล่าวหาว่าความในศาลโดยไม่มีอำนาจ รวม 29 ครั้ง กรณีถือได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล อันเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31 (1) ประกอบมาตรา 33 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 พิพากษาให้ลงโทษทุกกรรมรวม 29 กระทง จำคุกกระทงละ 1 วัน รวม 29 วัน ให้นับโทษจำคุกต่อจากโทษจำคุกของผู้ถูกกล่าวหาในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1242/2538 คดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1551/2541 และคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1260/2541 ของศาลชั้นต้น ผู้ถูกกล่าวหาอุทธรณ์ ถูกกล่าวหาฎีกา ผู้ถูกกล่าวหาฎีกาข้อต่อมาว่า การกระทำความผิดของผู้ถูกกล่าวหาเป็นกรรมเดียว และการที่ศาลให้นับโทษต่อจากคดีอื่นไม่ถูกต้อง เห็นว่า การปฏิบัติหน้าที่ทนายความของผู้ถูกกล่าวหาในแต่ละครั้งถือว่าเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระกัน จึงเป็นการกระทำความผิดหลายกรรมมิใช่กรรมเดียว ส่วนที่ให้นับโทษต่อจากคดีอื่นเนื่องจากผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาลจำนวนหลายคดี การที่ศาลให้นับโทษติดต่อกันจึงชอบแล้ว ฎีกาผู้ถูกกล่าวหาข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ผู้ถูกกล่าวหาฎีกาข้อสุดท้ายขอให้ศาลรอการลงโทษ เห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหาทราบดีว่าคณะกรรมการสภาทนายความได้มีคำสั่งให้จำหน่ายชื่อออกจากทะเบียนทนายความแล้วผู้ถูกกล่าวหายังฝ่าฝืนกระทำหน้าที่เป็นทนายความโดยที่ตนเองไม่มีอำนาจ การกระทำดังกล่าวย่อมก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 ไม่รอการลงโทษแก่ผู้ถูกกล่าวหาจึงชอบแล้ว ฎีกาผู้ถูกกล่าวหาข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน พิพากษายืน. พระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2528 มาตรา 43 เมื่อปรากฏต่อคณะกรรมการว่า ทนายความผู้ใดเป็นผู้ขาดคุณสมบัติตามมาตรา 35 ไม่ว่าจะขาดคุณสมบัติก่อนหรือหลังจากจดทะเบียนและรับใบอนุญาต ให้ทนายความผู้นั้นพ้นสภาพการเป็นทนายความ และให้คณะกรรมการจำหน่ายชื่อทนายความผู้นั้นออกจากทะเบียนทนายความ มาตรา 35 ผู้ขอจดทะเบียนและรับใบอนุญาตต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ มาตรา 36 ภายใต้บังคับมาตรา 38 เมื่อคณะกรรมการได้รับคำขอจดทะเบียนและรับใบอนุญาตแล้ว เห็นว่าผู้ยื่นคำขอมีคุณสมบัติตามมาตรา 35 ให้คณะกรรมการพิจารณารับจดทะเบียนและออกใบอนุญาตให้ผู้ยื่นคำขอโดยเร็ว
|
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |