
สิทธิแจ้งความร้องทุกข์ของผู้เสียหาย
-ปรึกษากฎหมาย ทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ โทร.085-9604258 -ติดต่อทางอีเมล : leenont0859604258@yahoo.co.th -ปรึกษากฎหมายผ่านทางไลน์ ไอดีไลน์ (5) ID line : (1) @leenont หรือ (2) @leenont1 หรือ (3) @peesirilaw หรือ (4) peesirilaw (5) leenont
ผู้เสียหายให้เงินแก่ผู้หลอกลวงไปโดยหลงเชื่อว่าจะถูกยึดทรัพย์ การให้เงินดังกล่าวไม่ใช่การให้สินบนแก่เจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้กระทำการ อันมิชอบจึงเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัยมีสิทธิที่จะร้องทุกข์ได้ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4212/2550 ส. และสามีมิได้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ และทางราชการมิได้ยึดทรัพย์สินของ ส. การที่ ส. มอบเงิน 305,000 บาท แก่จำเลย สืบเนื่องมาจากการหลอกลวงของจำเลยด้วยข้อความอันเป็นเท็จ มิใช่ ส. หรือสามีกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษแล้ว ส. มอบเงินแก่จำเลยเพื่อให้สินบนแก่เจ้าพนักงานเพื่อให้ ส. หรือสามีพ้นจากความผิด จึงถือไม่ได้ว่า ส. ได้ร่วมกับจำเลยนำสินบนไปให้แก่เจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้กระทำการอันมิชอบ ด้วยหน้าที่ ส. ย่อมเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย มีสิทธิที่จะร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยฐานฉ้อโกงได้ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ให้จำเลยคืนเงินจำนวน 305,000 บาทแก่ผู้เสียหาย ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 จำคุก 2 ปี ให้จำเลยคืนเงินจำนวน 305,000 แก่ผู้เสียหาย ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยแต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายว่า นางสวนิตเป็นผู้เสียหายตามกฎหมายหรือไม่ ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวนั้น ศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 222 ข้อเท็จจริงยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5 ว่า นางสวนิตสงสัยว่า สามีของตนติดพันหญิงอื่น จึงนำเรื่องปรึกษาจำเลย จำเลยยืนยันว่าสามีของนางสวนิตมีความสัมพันธ์กับนางมุกดาซึ่งมีสามีเป็นคน ญี่ปุ่น สามีนางมุกดาเป็นผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ เจ้าพนักงานตำรวจกำลังสืบหาที่อยู่ของนางมุกดาเพื่อยึดทรัพย์สิน และจะตรวจยึดทรัพย์ของนางสวนิตด้วย หากนางสวนิตไม่ต้องการถูกยึดทรัพย์สิน นางสวนิตต้องนำเงินไปให้พันตำรวจตรีมานพเพื่อนของจำเลยเพื่อฆ่าสามีนางสวนิต โดยต้องจ่ายค่าจ้างเป็นเงิน 50,000 บาท หรือมอบเงิน 300,000 บาท ผ่านจำเลยให้แก่พันตำรวจตรีมานพเพื่อมอบแก่นายกรัฐมนตรีพันตำรวจโททักษิณ เพื่อช่วยเหลือสามีของตนออกจากกระบวนการค้ายาเสพติด นางสวนิตหลงเชื่อมอบเงิน 305,000 บาท (เป็นค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน 5,000 บาท) แก่จำเลย ความจริงไม่มีข้อเท็จจริงตามที่จำเลยอ้างเกิดขึ้นจริง หากแต่จำเลยมีเจตนาทุจริตหลอกลวงนางสวนิตด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จมา แต่ต้น เห็นว่า นางสวนิตและสามีมิได้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษแล้ว และทางราชการมิได้ยึดทรัพย์ของนางสวนิต การที่นางสวนิตมอบเงิน 305,000 บาท แก่จำเลยสืบเนื่องมาจากการหลอกลวงของจำเลยด้วยข้อความอันเป็นเท็จ มิใช่นางสวนิตหรือสามีกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษนางสวนิตมอบเงิน แก่จำเลยเพื่อให้สินบนแก่เจ้าพนักงานเพื่อให้นางสวนิตหรือสามีพ้นจากความผิด จึงถือไม่ได้ว่านางสวนิตได้ร่วมกับจำเลยนำสินบนไปให้แก่เจ้าพนักงานเพื่อจูง ใจให้กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ นางสวนิตย่อมเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย มีสิทธิที่จะร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยฐานฉ้อโกงได้ ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 222 ถ้าคดีมีปัญหาแต่เฉพาะข้อกฎหมาย ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายนั้น ศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาล อุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน ประมวลกฎหมายอาญา สิทธิของบิดาไม่ชอบด้วยกฎหมายในการรับมรดกของบุตรนอกกฎหมาย ผู้คัดค้านอุปการะเลี้ยงดูผู้ตายมาตั้งแต่เด็ก รับรองและแสดงต่อบุคคลทั่วไปว่าผู้ตายเป็นบุตร ส่งเสียให้การศึกษา ถือได้ว่าผู้ตายเป็นบุตรนอกกฎหมายที่บิดาได้รับรองแล้ว แต่ผลของกฎหมายเพียงแต่ให้ถือว่าบุตรนั้นเป็นผู้สืบสันดานเหมือนกับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายมีสิทธิได้รับมรดกของบิดาเท่านั้น หาได้มีผลทำให้บิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายกลับเป็นบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายมีสิทธิได้รับมรดกของบุตรในฐานะทายาทโดยธรรมด้วยไม่ ผู้คัดค้านจึงมิใช่ทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียในกองมรดกของผู้ตาย ไม่มีสิทธิคัดค้านหรือร้องขอต่อศาลให้ตั้งตนเองเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายได้ มีเหตุสมควรที่จะถอนผู้จัดการมรดก ผู้จัดการมรดกได้ทำการโอนที่ดินอีกแปลงหนึ่ง พร้อมตึกแถว อันเป็นทรัพย์มรดกใส่เป็นชื่อของตนเองทางทะเบียน แล้วนำไปจดทะเบียนจำนองไว้แก่ธนาคารเป็นประกันหนี้ของตนเองและผู้อื่น ในวงเงินสูงถึงสิบล้านบาทเศษ ผู้จัดการมรดกอ้างว่าจะนำเงินมาดำเนินการปลูกสร้างแฟลตเพื่อหาผลประโยชน์ให้แก่ทายาท พฤติการณ์ในการจัดการมรดกส่อแสดงไปในทางไม่สุจริต เป็นการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว หากจะให้เป็นผู้จัดการมรดกต่อไป การจัดการมรดกย่อมจะล่าช่า ก่อให้เกิดความเสียหายแก่กองมรดกและทายาทได้ สมควรที่จะถอนผู้จัดการมรดกรายนี้ คดีของโจทก์ขาดอายุความการจัดการมรดก จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกโอนที่ดินมรดกให้แก่จำเลยที่ 2 แต่เพียงผู้เดียวโดยไม่ได้รับความยินยอมจากทายาททุกคน เป็นการปฏิบัติผิดหน้าที่ผู้จัดการมรดกจึงเป็นคดีเกี่ยวกับการจัดการมรดก มิให้ทายาทฟ้องเกินกว่าห้าปี
|