ReadyPlanet.com
dot
รวมกฎหมายและฎีกา
dot
bulletกฎหมายทั่วไป
bulletคดีครอบครัว
bulletคำพิพากษาคดีอาญา
bulletที่ตั้งสำนักงาน
bulletซื้อขายเช่าซื้อขายฝาก
bulletครอบครองปรปรปักษ์
bulletผู้จัดการมรดก
bulletกฎหมายแรงงาน
bulletทรัพย์สินกรรมนสิทธิ์
bulletหลักฐานการกู้ยืมเงิน
bulletสัญญาตัวแทน
bulletซื้อขายที่ดิน
bulletสัญญาเช่า
bulletลาภมิควรได้
bulletผู้คำประกัน
bulletคดีล้มละลาย
bulletพ.ร.บ. ทนายความ




ให้การรับสารภาพรอการลงโทษจำคุก

ทนายความโทร0859604258

ภาพจากซ้ายไปขวา ทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ, ทนายความภคพล มหิทธาอภิญญา, ทนายความเอกชัย อาชาโชติธรรม, ทนายความอภิวัฒน์ สุวรรณ

-ปรึกษากฎหมาย ทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ โทร.085-9604258

-ติดต่อทางอีเมล  : leenont0859604258@yahoo.co.th

-ปรึกษากฎหมายผ่านทางไลน์ ไอดีไลน์  (5) ID line  :

         (1) @leenont หรือ (2) @leenont1 หรือ (3)  @peesirilaw  หรือ (4) peesirilaw   (5)   leenont

 

 จำเลยกระทำผิดไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จำเลยรับสารภาพ จำเลยรู้สึกสำนึกผิด จำเลยไม่เคยรับโทษมาก่อน จำเลยเคยทำคุณงามความดี สมควรรอการลงโทษจำเลย
 
คำพิพากษาศาลฎีกาที่  3127/2550

พนักงานอัยการจังหวัดลำพูน

 
          จำเลยเข้าใจคลาดเคลื่อนไปว่าเมื่อผู้ใดมีลำไยสดอยู่ในความครอบครองไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือของญาติพี่น้อง แม้จะไม่มีพื้นที่ปลูกลำไยเป็นของตนเองก็สามารถเข้าร่วมโครงการรับซื้อลำไยสดจากเกษตรกรตามนโยบายของรัฐได้ จำเลยกระทำความผิดไปเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทั้งเมื่อถูกดำเนินคดีก็ให้การรับสารภาพมาโดยตลอด อันแสดงว่าจำเลยรู้สำนักในความผิดแห่งตน และไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ประกอบกับจำเลยเคยทำคุณงามความดี ทั้งเมื่อคำนึงถึงโทษจำคุกที่ได้รับเพียง 2 เดือน การให้จำเลยรับโทษจำคุกไปเสียเลย ย่อมไม่เป็นผลดีแก่จำเลยและสังคมส่วนรวม สมควรรอการลงโทษให้แก่จำเลย
 
มาตรา 56 ผู้ใดกระทำความผิดซึ่งมีโทษจำคุก และในคดีนั้นศาลจะลงโทษจำคุกไม่เกินสามปี ถ้าไม่ปรากฏว่าผู้นั้นได้รับโทษจำคุกมาก่อน หรือปรากฏว่าได้รับโทษจำคุกมาก่อน แต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ เมื่อศาลได้คำนึงถึงอายุ ประวัติ ความประพฤติ สติปัญญา การศึกษาอบรม สุขภาพ ภาวะแห่งจิต นิสัย อาชีพ และสิ่งแวดล้อมของผู้นั้น หรือสภาพความผิดหรือเหตุอื่นอันควรปรานีแล้ว เห็นเป็นการสมควร ศาลจะพิพากษาว่าผู้นั้น มีความผิดแต่รอการกำหนดโทษไว้หรือกำหนดโทษแต่รอการลงโทษไว้แล้วปล่อยตัวไป เพื่อให้โอกาสผู้นั้นกลับตัวภายในระยะเวลาที่ศาลจะได้กำหนด แต่ต้องไม่เกินห้าปีนับแต่วันที่ศาลพิพากษา โดยจะกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของผู้นั้นด้วยหรือไม่ก็ได้

เงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติของผู้กระทำความผิดนั้น ศาลอาจกำหนดข้อเดียวหรือหลายข้อ ดังต่อไปนี้
(1) ให้ไปรายงานตัวต่อเจ้าพนักงานที่ศาลระบุไว้เป็นครั้งคราว เพื่อเจ้าพนักงานจะได้สอบถาม แนะนำ ช่วยเหลือ หรือตักเตือนตามที่เห็นสมควรในเรื่องความประพฤติและการประกอบอาชีพ หรือจัดให้กระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่เจ้าพนักงานและผู้กระทำความผิดเห็นสมควร
(2) ให้ฝึกหัดหรือทำงานอาชีพอันเป็นกิจจะลักษณะ
(3) ให้ละเว้นการคบหาสมาคมหรือการประพฤติใดอันอาจนำไปสู่การกระทำความผิดในทำนองเดียวกันอีก
(4) ให้ไปรับการบำบัดรักษาการติดยาเสพติดให้โทษ ความบกพร่องทางร่างกายหรือจิตใจ หรือความเจ็บป่วยอย่างอื่น ณ สถานที่และตามระยะเวลาที่ศาลกำหนด
(6) เงื่อนไขอื่นๆ ตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนดเพื่อแก้ไข ฟื้นฟู หรือป้องกันมิให้ผู้กระทำความผิดกระทำหรือมีโอกาสกระทำความผิดขึ้นอีก

เงื่อนไขตามที่ศาลได้กำหนดตามความในวรรคก่อนนั้น ถ้าภายหลังความปรากฏแก่ศาลตามคำขอของผู้กระทำความผิด ผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้นั้น ผู้อนุบาลของผู้นั้น พนักงานอัยการหรือเจ้าพนักงานว่า พฤติการณ์ที่เกี่ยวแก่การควบคุมความประพฤติของผู้กระทำความผิดได้เปลี่ยนแปลงไป เมื่อศาลเห็นสมควรศาลอาจแก้ไขเพิ่มเติมหรือเพิกถอนข้อหนึ่งข้อใดเสียก็ได้ หรือจะกำหนดเงื่อนไขข้อใด ตามที่กล่าวในวรรคก่อนที่ศาลยังมิได้กำหนดไว้เพิ่มเติมขึ้นอีกก็ได้
 
          โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกซึ่งได้แยกดำเนินคดีต่างหากร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานตามกฎหมายผู้มีหน้าที่รับแจ้งขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกลำไย ปี 2547 ว่าจำเลยมีพื้นที่ปลูกลำไยให้ผลผลิตแล้วจำนวน 14 ไร่ ผลผลิตเฉลี่ย 944 กิโลกรัมต่อไร่ รวมผลผลิตทั้งสิ้น 13,216 กิโลกรัม ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 137, 267

          จำเลยให้การรับสารภาพ
          ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137, 267, 83 เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267 ฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ลงโทษจำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน

          จำเลยอุทธรณ์
          ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลย 4 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

          จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5 อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
          ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาในประการแรกว่าจำเลยไม่เห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5 ที่ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่โต้แย้งคำพิพากษาศาลชั้นต้นในทำนองว่าจำเลยมิได้มีเจตนากระทำความผิด และการกระทำของจำเลยมิได้ทำให้นางจรัสศรีและรัฐได้รับความเสียหาย ขอให้ศาลฎีการับวินิจฉัยในประเด็นดังกล่าวนั้น เห็นว่า ข้อที่จำเลยยกขึ้นอ้างในอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นการยกข้อเท็จจริงขึ้นใหม่ในชั้นอุทธรณ์ซึ่งขัดกับคำให้การรับสารภาพของจำเลยที่รับว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้อง จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยข้อนี้ชอบแล้ว และเมื่อจำเลยยกปัญหาข้อเท็จจริงนี้ขึ้นโต้แย้งในชั้นฎีกาอีก จึงไม่ใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 5 ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้เช่นเดียวกัน

          คดีคงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยเพียงว่า มีเหตุสมควรรอการลงโทษจำเลยหรือไม่ เห็นว่า ข้อเท็จจริงปรากฏตามฎีกาของจำเลยซึ่งโจทก์ไม่ได้แก้ฎีกาโต้แย้งว่า จำเลยเข้าใจคลาดเคลื่อนไปว่าเมื่อผู้ใดมีลำไยสดอยู่ในความครอบครองไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือของญาติพี่น้อง แม้จะไม่มีพื้นที่ปลูกลำไยเป็นของตนเองก็สามารถเข้าร่วมโครงการรับซื้อลำไยสดจากเกษตรกรตามนโยบายของรัฐได้ จำเลยกระทำความผิดไปเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทั้งเมื่อถูกดำเนินคดีจำเลยให้การรับสารภาพมาโดยตลอด อันแสดงว่าจำเลยรู้สำนึกในความผิดแห่งตนและไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ประกอบกับจำเลยมีเอกสารประกอบท้ายฎีกาว่า จำเลยเคยได้กระทำคุณงามความดีโดยเข้าร่วมทำงานเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม โดยรับการฝึกอบรมไทยอาสาป้องกันชาติของจังหวัดลำพูน เป็นทหารกองประจำการเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรโครงการกองหนุนเพื่อความมั่นคงของชาติ ฝึกอบรมหลักสูตรแจ้งข่าวอาชญากรรมของสถานีตำรวจภูธรอำเภอทุ่งหัวช้าง หลักสูตรการฝึกอบรมอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กระทรวงมหาดไทย หลักสูตรราษฎรอาสาสมัครตำรวจชุมชนรุ่นที่ 1 ของตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน และเป็นผู้ประสานพลังแผ่นดินของศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ เมื่อคำนึงถึงโทษจำคุกที่จำเลยได้รับเพียง 2 เดือน ซึ่งมีระยะเวลาอันสั้นแล้ว การให้จำเลยต้องรับโทษจำคุกไปเสียเลยนั้น ย่อมไม่เป็นผลดีแก่จำเลยและสังคมส่วนรวม ศาลฎีกาจึงเห็นสมควรให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดีด้วยการรอการลงโทษให้จำเลย แต่เพื่อให้จำเลยรู้สึกหลาบจำจึงเห็นสมควรลงโทษปรับอีกสถานหนึ่งและคุมความประพฤติของจำเลยด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น”

          พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปรับจำเลย 4,000 บาท อีกสถานหนึ่ง ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษมีกำหนด 2 ปี และให้คุมความประพฤติของจำเลยไว้ 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้จำเลยฟัง โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติจำนวน 3 ครั้ง ตามเงื่อนไขและกำหนดระยะเวลาที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรกำหนดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5
 
 
( ชาลี ทัพภวิมล - สมศักดิ์ จันทรา - ชูเกียรติ ตันทวีวงศ์ )
 
 
หมายเหตุ

          โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดต่อเจ้าพนักงานและความผิดเกี่ยวกับเอกสาร จำเลยให้การรับสารภาพจึงต้องฟังว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง การที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยเข้าใจคลาดเคลื่อนไปว่าเมื่อผู้ใดมีลำไยสดอยู่ในครอบครองไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือของญาติพี่น้อง แม้จะไม่มีพื้นที่ปลูกลำไยเป็นของตนเองก็สามารถเข้าร่วมโครงการรับซื้อลำไยสดจากเกษตรกรตามนโยบายของรัฐได้ จำเลยกระทำความผิดไปเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ นั้น จะเห็นได้ว่า ข้อความดังกล่าวแสดงว่าจำเลยขาดเจตนาในการกระทำความผิด จึงเป็นฎีกาที่ขัดกับคำรับสารภาพของจำเลย ถือเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นควรที่ศาลฎีกาจะไม่รับวินิจฉัยให้
           คดีนี้ต้องห้ามฎีกา แต่ผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5 อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งตาม ป.วิ.อ. มาตรา 221 ให้อำนาจผู้พิพากษาคนใดซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาหรือทำความเห็นแย้งในศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์พิเคราะห์เห็นว่าข้อความที่ตัดสินนั้นเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุดและอนุญาตให้ฎีกา มีข้อน่าสังเกตว่าการที่จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลฎีกาซึ่งเป็นศาลสูงสุดหรือไม่ จะเห็นว่าคดีนี้ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุก 6 เดือน ศาลอุทธรณ์ภาค 5 แก้เป็นจำคุก 2 เดือน ถือเป็นโทษเล็กน้อย การรอการลงโทษหรือไม่ไม่ใช่ปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลฎีกาวินิจฉัยแต่อย่างใด ซึ่งคดีประเภทนี้ในต่างประเทศไม่สามารถที่จะขึ้นสู่ศาลสูงสุดได้ เหตุที่รับรองฎีกาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คดีขึ้นสู่ศาลฎีกามากจนกระทั่งล้นศาลอยู่ทุกวันนี้
           การกระทำความผิดในคดีนี้เรียกกันโดยทั่วไปว่า คดีทุจริตลำไย ซึ่งเกิดจากการกระทำของพ่อค้า นายทุน และนักการเมือง โดยมีประชาชนร่วมกระทำความผิดด้วยนับเป็นจำนวนหลายพันคดี แต่ได้มีการจับกุมเฉพาะผู้ที่กระทำความผิดในเบื้องต้น ส่วนผู้ที่อยู่เบื้องหลังไม่มีการดำเนินคดีแต่อย่างใด คงมีข้อพิจารณาว่าสมควรลงโทษจำคุกผู้ที่กระทำความผิดในเบื้องต้นนี้หรือไม่ ซึ่งศาลฎีกาเห็นว่าไม่ สมควรลงโทษจำคุกเสียทีเดียว แต่ให้รอการลงโทษและคุมความประพฤติไว้เท่านั้น โดยศาลฎีกาวินิจฉัยคดีดังกล่าวเหมือนอย่างคดีทั่ว ๆ ไป มิได้พิจารณาในภาพรวมในเรื่องการทุจริตลำไยว่าเป็นปัญหาระดับชาติ ปัจจุบันประเทศไทยมีการทุจริตมากขึ้นจนติดอันดับว่าเป็นประเทศแรก ๆ ที่ทุจริตมาก ศาลยุติธรรมก็เป็นหน่วยงานหน่วยงานหนึ่งที่มีส่วนในการแก้ไขและปราบปรามการทุจริตได้ การที่มีการทุจริตกันเป็นจำนวนหลายพันคดี แต่ศาลกลับเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย รอการลงโทษให้ ทำให้คนกระทำความผิดไม่เกรงกลัว หากพ่อค้า นายทุน หรือนักการเมือง ใช้ให้ประชาชนกระทำความผิดแล้วประชาชนผู้กระทำความผิดต้องติดคุกก็จะไม่มีบุคคลใดกล้าที่จะร่วมมือกระทำความผิดต่อบุคคลดังกล่าวอีก การที่มีบุคคลร่วมกระทำความผิดด้วยและได้รับการรอการลงโทษก็ยิ่งจะเป็นตัวอย่างให้มีการกระทำความผิดในรายอื่นอีกต่อไป โดยนำเกณฑ์ในคดีนี้มาเป็นบรรทัดฐาน การพิจารณาคดีในชั้นฎีกาน่าจะพิจารณาภาพรวมว่าเป็นคดีที่เกิดขึ้นปกติหรือเกิดขึ้นเพราะเหตุมีการทุจริตระดับประเทศ น่าจะศึกษาถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในภาพรวมของประเทศด้วย
         
         
          ศิริชัย วัฒนโยธิน
 
 

 คดีของโจทก์ขาดอายุความการจัดการมรดก

จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกโอนที่ดินมรดกให้แก่จำเลยที่ 2 แต่เพียงผู้เดียวโดยไม่ได้รับความยินยอมจากทายาททุกคน เป็นการปฏิบัติผิดหน้าที่ผู้จัดการมรดกจึงเป็นคดีเกี่ยวกับการจัดการมรดก มิให้ทายาทฟ้องเกินกว่าห้าปี

คู่สมรสและการแบ่งมรดกของคู่สมรส เมื่อการสมรสเป็นโมฆะ

คู่สมรสเป็นทายาทโดยธรรมของคู่สมรสที่เสียชีวิต ส่วนแบ่งมรดกเป็นไปตามกฎหมาย ถ้าการสมรสเป็นโมฆะมีผลกับมรดกของคู่สมรสที่ตายอย่างไร? มีสิทธิรับมรดกหรือไม? บุตรที่เกิดมามีสิทธิรับมรดกของบิดาที่ตายหรือไม่?

 

 




คำพิพากษาคดีอาญา

รับผู้เยาว์จากโรงเรียนมีเพศสัมพันธ์ในรถยนต์จำคุก 14ปี
ทำบันทึกการยืมทรัพย์มอบให้ไปขายไม่เป็นยักยอกทรัพย์ โทร0859604258
ค่าตอบแทนการวิ่งเต้นการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้กำกับ-ตำรวจ
ความผิดฐานเป็น"ตัวการ" ร่วมกันกระทำความผิด-ผู้สนับสนุน
ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราโดยใช้อาวุธ
เดินทางมาด้วยกัน ไม่จำเป็นว่าจะต้องกระทำความผิดร่วมกันเสมอไป
ครูอัตราจ้างพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีจำคุก 32 ปี
ผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังแต่ไม่ผิดฐานค้ามนุษย์
นำหนังสือมอบอำนาจเปล่าเซ็นชื่อไปกรอกข้อความโอนขายที่ดิน
โกรธไม่ยอมคืนดีด้วยใส่ยาเบื่อหนูในโอ่งน้ำไม่ตายเป็นพยายามฆ่า
สำนักงานปฏิรูปฯเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน ส.ป.ก. 4-01
การสมรสตามหลักกฎหมายอิสลาม
นำอาวุธติดตัว, ระหว่างเดินทางย่อมคิดทบทวน
เช็คประกันหนี้ผู้ออกเช็คไม่ติดคุก
ลงลายมือชื่อรับรองคนต่างด้าว
อ้างเหตุป้องกันตัวไม่ได้
ทำร้ายร่างกายกับการป้องกันตัว
พรากเด็กหญิงไปเสียจากผู้ดูแลเพื่ออนาจาร
คดีรอการกำหนดโทษจำเลยมิใช่ผู้ต้องโทษตาม-พรบ.ล้างมลทิน
ลักทรัพย์ที่เป็นของผู้มีอาชีพกสิกรรมโทษหนักขึ้น
คำขอในส่วนแพ่งเนื่องความผิดอาญา
วิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนต้องห้ามฎีกา
เบิกความอันเป็นเท็จในศาล
ลักทรัพย์ในสถานที่บูชาสาธารณะ
ความผิดนอกราชอาณาจักร
คำว่า-วิชาชีพ-ในคดีอาญา
บันดาลโทสะหรือพยายามฆ่า
บันดาลโทสะต้องถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง
เบิกความอันเป็นเท็จ
ศาลฎีกาไม่อาจกำหนดโทษจำเลยเพิ่มเติมได้
ลักบัตรเครดิตและใช้เอกสารปลอม
สเปรย์พริกไทยไม่เป็นอาวุธโดยสภาพ
เป็นการใช้อำนาจของครูต่อผู้เสียหายซึ่งเป็นศิษย์