
บันดาลโทสะหรือพยายามฆ่า
-ปรึกษากฎหมาย ทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ โทร.085-9604258 -ติดต่อทางอีเมล : leenont0859604258@yahoo.co.th -ปรึกษากฎหมายผ่านทางไลน์ ไอดีไลน์ (5) ID line : (1) @leenont หรือ (2) @leenont1 หรือ (3) @peesirilaw หรือ (4) peesirilaw (5) leenont
การที่จำเลยใช้ไม้เนื้อแข็งและมีขนาดโตพอสมควร เลือกตีที่บริเวณศีรษะอันเป็นอวัยวะสำคัญจนกะโหลกศีรษะแตก มีเลือดคั่งในสมองแสดงว่าจำเลยตีผู้เสียหายอย่างแรง จำเลยย่อมเล็งเห็นผลแห่งการกระทำของตนว่าเป็นเหตุให้ผู้เสียหายถึงแก่ความ ตายได้ ทั้งตามความเห็นแพทย์ยังได้ความว่าหากไม่รักษาทันท่วงทีผู้เสียหายอาจถึงแก่ ความตายได้ ดังนั้น พฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย จำเลยกระทำความผิดด้วยเหตุบันดาลโทสะหรือไม่ ก่อนเกิดเหตุจำเลยเร่งให้ผู้ร่วมงานคนหนึ่งและผู้เสียหายทำงานให้เร็ว แล้วโต้เถียงกับผู้เสียหาย จำเลยเป็นฝ่ายท้าทายผู้เสียหายเพียงฝ่ายเดียวให้ขึ้นมาชกกันบนคันคลอง โดยผู้เสียหายมิได้รับคำท้าของจำเลยและไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายได้กระทำการใด ๆ อันเป็นการคุกคามต่อความปลอดภัยในร่างกายของจำเลย ผู้เสียหายเพียงแต่พูดว่า อยากลุ้นกับรุ่นพ่อ ซึ่งคำพูดดังกล่าวมีความหมายว่าอยากต่อยกับรุ่นพ่อ ซึ่งการพูดจาของผู้เสียหายดังกล่าวเป็นเพียงการยั่วโทสะจำเลยเท่านั้น แม้จะเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอยู่บ้าง พฤติการณ์ของผู้เสียหายที่แสดงต่อจำเลยยังถือไม่ได้ว่าได้กระทำการข่มเหง จำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยหยิบไม้เดินลงไปตีศีรษะผู้เสียหายในขณะนั้นจึงมิใช่เป็นการกระทำ ความผิดด้วยเหตุบันดาลโทสะ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7/2549 จำเลยใช้ไม้สนซึ่งเป็นไม้เนื้อแข็ง มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 เซนติเมตร ยาวประมาณ 70 เซนติเมตร ซึ่งมีขนาดโตพอควร ตีศีรษะผู้เสียหาย 1 ครั้ง โดยเลือกตีที่ศีรษะอันเป็นอวัยวะสำคัญ การที่กะโหลกศีรษะแตก มีเลือดคั่งในสมองจากการถูกตี แสดงว่าจำเลยตีอย่างแรง จำเลยย่อมเล็งเห็นผลแห่งการกระทำของตนว่าอาจเป็นเหตุให้ผู้เสียหายถึงแก่ ความตายได้ ทั้งตามความเห็นของแพทย์ผู้รักษาหากแพทย์ไม่ผ่าตัดสมองรักษาให้ทันท่วงที ผู้เสียหายอาจถึงแก่ความตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่า จำเลยกับผู้เสียหายรับจ้างทำงานก่อสร้างสะพานด้วยกัน ก่อนเกิดเหตุจำเลยเร่งให้เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งและผู้เสียหายทำงาน แล้วโต้เถียงกับผู้เสียหาย จำเลยท้าทายผู้เสียหายให้ขึ้นมาชกกันบนคันคลอง แต่ผู้เสียหายยังคงนั่งก้มหน้าทำงานและพูดว่า จะลุ้นกับรุ่นพ่อ ซึ่งหมายความว่าอยากจะชกต่อยกับจำเลยที่มีอายุรุ่นเดียวกับพ่อของผู้เสียหาย แม้คำพูดเช่นนี้ของผู้เสียหายจะไม่เหมาะสมบ้าง แต่ก็เป็นเพียงการยั่วโทสะจำเลยเท่านั้น การที่จำเลยหยิบไม้เดินลงไปตีศีรษะผู้เสียหายในขณะนั้นจึงไม่ใช่การกระทำ ความผิดโดยบันดาลโทสะ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 80, 288 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 จำคุก 10 ปี คำรับของจำเลยในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ตาม ป.อ. มาตรา 78 ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 6 ปี 8 เดือน ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยพยายามฆ่าผู้เสียหายหรือไม่ การที่จำเลยใช้ไม้สนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 เซนติเมตร ยาวประมาณ 70 เซนติเมตร ซึ่งเป็นไม้เนื้อแข็งและมีขนาดโตพอสมควร เลือกตีที่บริเวณศีรษะอันเป็นอวัยวะสำคัญจนกะโหลกศีรษะแตก มีเลือดคั่งในสมองแสดงว่าจำเลยตีผู้เสียหายอย่างแรง จำเลยย่อมเล็งเห็นผลแห่งการกระทำของตนว่าเป็นเหตุให้ผู้เสียหายถึงแก่ความ ตายได้ ทั้งตามความเห็นแพทย์ยังได้ความว่าหากไม่รักษาทันท่วงทีผู้เสียหายอาจถึงแก่ ความตายได้ ดังนั้น พฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตายเนื่องจากได้รับการรักษาทันท่วงที การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยกระทำความผิดด้วยเหตุบันดาลโทสะหรือไม่ วันเกิดเหตุผู้เสียหายจำเลยกับพวกประมาณ 10 คน ไปรับจ้างนายบุญสมรับเหมาสร้างสะพาน ก่อนเกิดเหตุจำเลยเร่งให้ผู้ร่วมงานคนหนึ่งและผู้เสียหายทำงานให้เร็ว แล้วโต้เถียงกับผู้เสียหาย จำเลยเป็นฝ่ายท้าทายผู้เสียหายเพียงฝ่ายเดียวให้ขึ้นมาชกกันบนคันคลอง โดยผู้เสียหายมิได้รับคำท้าของจำเลยและไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายได้กระทำการใด ๆ อันเป็นการคุกคามต่อความปลอดภัยในร่างกายของจำเลย ผู้เสียหายเพียงแต่พูดว่า อยากลุ้นกับรุ่นพ่อ ซึ่งคำพูดดังกล่าวมีความหมายว่าอยากต่อยกับรุ่นพ่อ ซึ่งการพูดจาของผู้เสียหายดังกล่าวเป็นเพียงการยั่วโทสะจำเลยเท่านั้น แม้จะเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอยู่บ้าง พฤติการณ์ของผู้เสียหายที่แสดงต่อจำเลยยังถือไม่ได้ว่าได้กระทำการข่มเหง จำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมตาม ป.อ. มาตรา 72 การที่จำเลยหยิบไม้เดินลงไปตีศีรษะผู้เสียหายในขณะนั้นจึงมิใช่เป็นการกระทำ ความผิดด้วยเหตุบันดาลโทสะ พิพากษายืน. กระทำโดยเจตนา ได้แก่กระทำโดยรู้สำนึกในการที่กระทำและ ในขณะเดียวกันผู้กระทำประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผลของการ กระทำนั้น กระทำโดยประมาท ได้แก่กระทำความผิดมิใช่โดยเจตนา แต่ กระทำโดยปราศจากความระมัดระวัง ซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจัก ต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวัง เช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่ มาตรา 72 ผู้ใดบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุ อันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น ศาลจะ ลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใด ก็ได้
คดีของโจทก์ขาดอายุความการจัดการมรดก จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้จัดการมรดกโอนที่ดินมรดกให้แก่จำเลยที่ 2 แต่เพียงผู้เดียวโดยไม่ได้รับความยินยอมจากทายาททุกคน เป็นการปฏิบัติผิดหน้าที่ผู้จัดการมรดกจึงเป็นคดีเกี่ยวกับการจัดการมรดก มิให้ทายาทฟ้องเกินกว่าห้าปี คู่สมรสและการแบ่งมรดกของคู่สมรส เมื่อการสมรสเป็นโมฆะ คู่สมรสเป็นทายาทโดยธรรมของคู่สมรสที่เสียชีวิต ส่วนแบ่งมรดกเป็นไปตามกฎหมาย ถ้าการสมรสเป็นโมฆะมีผลกับมรดกของคู่สมรสที่ตายอย่างไร? มีสิทธิรับมรดกหรือไม? บุตรที่เกิดมามีสิทธิรับมรดกของบิดาที่ตายหรือไม่?
|