
รู้เห็นเป็นใจในการกระทำที่เป็นเหตุหย่า
-ปรึกษากฎหมาย ทนายความ นายลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ โทร.085-9604258 -ติดต่อทางอีเมล : leenont0859604258@yahoo.co.th -ปรึกษากฎหมายผ่านทางไลน์ ไอดีไลน์ (5) ID line : (1) @leenont หรือ (2) @leenont1 หรือ (3) @peesirilaw หรือ (4) peesirilaw (5) leenont
รู้เห็นเป็นใจในการกระทำที่เป็นเหตุหย่า ถ้าสามี หรือภริยาได้ยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจในการกระทำที่เป็นเหตุหย่านั้นฝ่ายที่ยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจนั้นจะยกเป็นเหตุฟ้องหย่านั้นไม่ได้ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 859/2540 โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และจำเลยเป็นสามีภรรยากันจดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมายขณะที่อยู่กินฉันสามีภรรยามีบุตรด้วยกัน 4 คนและมีทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ร่วมกันหลายรายการเมื่อประมาณเดือนมีนาคม 2528 จำเลยได้อุปการะเลี้ยงดูนางสาวเหยอะ แซ่สง เป็นภรรยา และนำมาอาศัยอยู่ร่วมบ้านเดียวกันกับโจทก์และจำเลย หลังจากนั้นจำเลยและนางสาวเหยอะได้หาเหตุทะเลาะและด่าว่าโจทก์หลายครั้ง โจทก์ต้องหนีออกจากบ้านไปถึง 3 ครั้ง ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2536 นางสาวเหยอะได้หาเรื่องทะเลาะกับโจทก์และใช้มีดไล่ฟันโจทก์จนต้องหลบหนีออกจากบ้านและต่อมาได้ไปอาศัยอยู่กับมารดาของโจทก์ โจทก์ไม่ประสงค์ที่จะอยู่กินฉันสามีภรรยากับจำเลยต่อไป ขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนหย่ากับโจทก์ หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยให้แบ่งสินสมรสแก่โจทก์เป็นเงิน 50,500 บาท และให้จำเลยแบ่งที่ดินที่ทางราชการกรมประชาสงเคราะห์อนุญาตให้ทำกินแก่โจทก์ครึ่งหนึ่งเนื้อที่ 8 ไร่ กับให้โจทก์เป็นผู้ปกครองบุตรทั้งสี่คนแต่เพียงผู้เดียว จำเลยให้การว่า โจทก์และจำเลยเป็นสามีภรรยากันถูกต้องตามกฎหมาย มีบุตรด้วยกัน 4 คน สินสมรสที่ทำมาหาได้ร่วมกันมีบ้าน1 หลัง ราคาเพียง 4,000 บาท ไร่ปลูกข้าวโพดอ่อนเนื้อที่ประมาณ 3 งาน ราคาไม่เกิน 300 บาท ไร่ปลูกแครอทเนื้อที่ 2 งานราคา 3,000 บาท ไร่ปลูกขิงเนื้อที่ 1 ไร่ ราคา 5,000 บาท รวมสินสมรสเป็นเงิน 12,000 บาท เท่านั้น จำเลยรับนางเหยอะมาเป็นภรรยาโดยการรู้เห็นและยินยอมของโจทก์โดยโจทก์เป็นเจ้าภาพให้จำเลยทำพิธีออกบ้านและเป็นผู้มอบเงิน 15,000 บาท เป็นค่าสินสอดให้แก่นางเหยอะ หลังจากนั้นโจทก์จำเลยและนางเหยอะอาศัยอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน จำเลยมีบุตรกับนางเหยอะ 5 คน จำเลยไม่เคยด่าว่าโจทก์แต่โจทก์กับนางเหยอะเท่านั้นที่มีสาเหตุทะเลาะกัน โจทก์ฟ้องคดีเกิน 1 ปี นับจากรู้ว่าจำเลยนำนางเหยอะมาเป็นภรรยา ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์กับจำเลยหย่าขาดจากการเป็นสามีภรรยากัน ให้เด็กหญิงยง แซ่เถา เด็กหญิงนิภา แซ่เถา เด็กหญิงวงเดือน แซ่เถา และเด็กชายวีระศักดิ์ แซ่เถา บุตรผู้เยาว์ของโจทก์กับจำเลยอยู่ในความปกครองและอุปการะเลี้ยงดูของโจทก์แต่เพียงผู้เดียว โดยให้จำเลยออกค่าอุปการะเลี้ยงดูแก่บุตรทุกคนคนละ 300 บาท ต่อเดือน จนกว่าบุตรแต่ละคนจะบรรลุนิติภาวะให้จำเลยแบ่งสินสมรสแก่โจทก์จำนวนเงิน 7,500 บาท จำเลย อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ โจทก์ ฎีกา พิพากษายืน กฎหมายที่เกี่ยวข้อง มาตรา 1516 เหตุฟ้องหย่ามีดังต่อไปนี้ มาตรา 1517 เหตุฟ้องหย่าตาม มาตรา 1516 (1) และ (2) ถ้าสามี หรือภริยา แล้วแต่กรณี ได้ยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจในการกระทำที่เป็นเหตุหย่านั้น ฝ่ายที่ยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจนั้นจะยกเป็นเหตุฟ้องหย่านั้นไม่ได้ เหตุฟ้องหย่าตาม มาตรา 1516 (10) ถ้าเกิดเพราะการกระทำของอีก ฝ่ายหนึ่ง อีกฝ่ายหนึ่งนั้นจะยกเป็นเหตุฟ้องหย่าไม่ได้ ในกรณีฟ้องหย่าโดยอาศัยเหตุแห่งการผิดทัณฑ์บนตาม มาตรา 1516 (8) นั้น ถ้าศาลเห็นว่าความประพฤติของสามีหรือภริยาอันเป็นเหตุให้ทำทัณฑ์บน เป็นเหตุเล็กน้อยหรือไม่สำคัญเกี่ยวแก่การอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาโดยปกติสุข ศาลจะไม่พิพากษาให้หย่าก็ได้ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183 ในวันชี้สองสถาน ให้คู่ความมาศาล และให้ศาลตรวจ คำคู่ความและคำแถลงของคู่ความแล้วนำข้ออ้างข้อเถียงที่ปรากฏใน คำคู่ความและคำแถลงของคู่ความเทียบกันดู และสอบถามคู่ความ ทุกฝ่ายถึงข้ออ้าง ข้อเถียง และพยานหลักฐานที่จะยื่นต่อศาลว่า ฝ่ายใดยอมรับหรือโต้แย้งข้ออ้าง ข้อเถียงนั้นอย่างไร ข้อเท็จจริงใด ที่คู่ความยอมรับกันก็เป็นอันยุติไปตามนั้นส่วนข้อกฎหมายหรือ ข้อเท็จจริงที่คู่ความฝ่ายหนึ่งยกขึ้นอ้างแต่คู่ความฝ่ายอื่นไม่รับและ เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับประเด็นข้อพิพาทตามคำคู่ความ ให้ศาลกำหนดไว้เป็นประเด็นข้อพิพาทและกำหนดให้คู่ความฝ่ายใดนำพยานหลักฐาน มาสืบในประเด็นข้อใดก่อนหรือหลังก็ได้ ในการสอบถามคู่ความตามวรรคหนึ่ง คู่ความแต่ละฝ่ายต้องตอบ คำถามที่ศาลถามเองหรือถามตามคำขอของคู่ความฝ่ายอื่น เกี่ยวกับ ข้อเท็จจริงที่คู่ความฝ่ายอื่นยกขึ้นเป็นข้ออ้าง ข้อเถียง และพยาน หลักฐานต่าง ๆ ที่คู่ความจะยื่นต่อศาล ถ้าคู่ความฝ่ายใดไม่ตอบ คำถามเกี่ยวกับข้อเท็จจริงใด หรือปฏิเสธข้อเท็จจริงใดโดยไม่มี เหตุผลอันสมควร ให้ถือว่ายอมรับข้อเท็จจริงนั้นแล้ว เว้นแต่คู่ความ ฝ่ายนั้นไม่อยู่ในวิสัยที่จะตอบ หรือแสดงเหตุผลแห่งการปฏิเสธได้ใน ขณะนั้น คู่ความมีสิทธิคัดค้านว่าประเด็นข้อพิพาทหรือหน้าที่นำสืบที่ศาล กำหนดไว้นั้นไม่ถูกต้องโดยแถลงด้วยวาจาต่อศาลในขณะนั้นหรือ ยื่นคำร้องต่อศาลภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ศาลสั่งกำหนดประเด็น ข้อพิพาท หรือหน้าที่นำสืบ ให้ศาลชี้ขาดคำคัดค้านนั้นก่อนวันสืบพยาน คำชี้ขาดคำคัดค้านดังกล่าวให้อยู่ภายใต้บังคับ มาตรา 226
ขอเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์แต่เพียงผู้เดียว ผู้ร้องมีเหตุขัดข้องเนื่องจากผู้ร้องได้ไปติดต่อสถานทูตสหรัฐอเมริกา เพื่อยื่นขออนุญาตเดินทางเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา (ขอวีซ่า) ให้กับบุตรผู้เยาว์ แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่า ผู้ร้องจะต้องได้รับการแต่งตั้งจากศาล หรือ ให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งแต่งตั้งให้ผู้ร้องเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์แต่เพียงผู้เดียวเสียก่อน ผู้ร้องจึงจะสามารถพาบุตรผู้เยาว์ เดินทางออกนอกประเทศไทย และสามารถดำเนินการผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองของประเทศสหรัฐอเมริกาได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แนะนำให้ผู้ร้องมาดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลนี้ เพื่อให้ศาลมีคำสั่งแต่งตั้งให้ผู้ร้องเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองแต่เพียงผู้เดียวของเด็กหญิง เอ บุตรผู้เยาว์ เสียก่อนจึงจะดำเนินการให้ได้ ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดก การขอเป็นผู้จัดการมรดก เมื่อเจ้ามรดกตาย ทรัพย์สมบัติของเจ้ามรดก ตกเป็นของทายาททันที และก็ยังรวมถึงหนี้สินด้วย ความรับผิดก็ตกทอดมาถึงทายาทเหมือนกัน แต่ก็รับผิดในฐานะเป็นทายาทเท่านั้นไม่ใช้ฐานะส่วนตัว แม้ว่ากองมรดกจะตกทอดแก่ทายาทแล้วก็ตาม ก็อาจมีปัญหาขัดข้องในการจัดสรรแบ่งปันมรดก หรือติดตามทวงถามหนี้สินที่บุคคลอื่นเป็นหนี้เจ้ามรดกอยู่ หรือจะไปโอนที่ดินเป็นของตน เจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินไม่ดำเนินการให้ ลูกหนี้เจ้ามรดกไม่ยอมชำระหนี้ ธนาคารไม่ยอมให้เบิกเงินของผู้ตาย โดยต้องนำเอาคำสั่งศาลตั้งผู้นั้นเป็นผู้จัดการมรดกมาให้ดูมาแสดงเสียก่อนว่าผู้มาติดต่อนั้นศาลได้ตั้งเป็นผู้จัดการมรดกแล้วมิฉะนั้นไม่ดำเนินการให้ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่ทายาทจะต้องไปดำเนินการขอให้ศาลแต่งตั้งตนเองหรือบุคคลอื่นเป็นผู้จัดการมรดก ซึ่งก็จะเสียเวลาพอสมควรกว่าจะยื่นคำร้องขอและกว่าจะไต่สวนคำร้องและศาลมีคำสั่ง
|